^^CEMS ระบบตรวจวัดมลพิษทางปล่องอย่างเที่ยงตรงเพื่อการควบคุมสภาพแวดล้อมอย่างยั่งยืน

[deam205]

ในยุคที่การสร้างอุตสาหกรรมขยายตัวโดยตลอดและก็ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หน่วยงานภาครัฐแล้วก็หน่วยงานเอกชนทั่วทั้งโลกก็เลยให้ความเอาใจใส่กับมาตรการตรวจทานรวมทั้งควบคุมการปล่อยสารมลพิษสู่ชั้นบรรยากาศอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมที่มีการเผาไหม้เชื้อเพลิง ฟอกสีโลหะ โรงงานปิโตรเคมี โรงไฟฟ้า รวมทั้งระบบผลิตพลังงานทุกประเภท ระบบซึ่งสามารถตรวจทานมลพิษที่มีสาเหตุเนื่องมาจากปล่องควันอย่างแม่นยำและต่อเนื่องก็เลยเปลี่ยนเป็นส่วนสำคัญของการจัดการสิ่งแวดล้อม นั่นก็คือ CEMS หรือ Continuous Emission Monitoring System ระบบวัดการปลดปล่อยมลภาวะที่เกิดขึ้นทางอากาศแบบสม่ำเสมอที่ได้รับการยอมรับรวมทั้งใช้อย่างมากมายทั่วทั้งโลก



สามารถอ่านรายละเอียดได้ที่ >>  cems  https://awj.co.th/References01.html

CEMS คือระบบที่วางแบบมาเพื่อตรวจวัดความเข้มข้นของแก๊สหรือสารมลพิษที่ปล่อยออกมาจากปล่องระบายของโรงงานอุตสาหกรรมในแบบเรียลไทม์ โดยการทำงานแบบอัตโนมัติแล้วก็สามารถบันทึกผลการตรวจวัดได้ตลอด 1 วันตลอดทั้งปี องค์ประกอบของ CEMS โดยทั่วไปจะมีตัวเซนเซอร์ตรวจจับก๊าซ หน่วยควบคุม หน้าจอแสดงผล ระบบส่งข้อมูล และก็วัสดุอุปกรณ์เสริมอื่นๆที่ช่วยทำให้สามารถประมวลผลแล้วก็ส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวเนื่องได้อย่างแม่นยำรวมทั้งเร็ว จุดแข็งของ CEMS เป็นสามารถวัดสารมลพิษที่เป็นก๊าซหลัก เช่น ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไนโตรเจนออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ คาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงฝุ่นและออกสิเจน ซึ่งล้วนเป็นสารที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพของคนเราแล้วก็สิ่งแวดล้อม

การต่อว่าดตั้ง CEMS ในโรงงานอุตสาหกรรมไม่ได้เป็นเพียงแต่หลักเกณฑ์ตามกฎหมายจากภาครัฐแค่นั้น แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร การมีระบบวัดที่แม่นและก็โปร่งใสช่วยทำให้โรงงานสามารถควบคุมการปล่อยสารพิษไม่ให้เกินมาตรฐานที่ระบุ ทั้งสามารถนำข้อมูลที่ได้มาใช้สำหรับการปรับปรุงขั้นตอนการผลิต ลดการใช้พลังงาน รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดแจงเชื้อเพลิงได้อย่างเป็นระบบอีกด้วย ยิ่งกว่านั้น CEMS ยังมีบทบาทสำคัญสำหรับการช่วยเหลือหน่วยงานควบคุมมลภาวะให้สามารถสำรวจแล้วก็ประเมินเหตุการณ์สภาพแวดล้อมได้อย่างเที่ยงตรง เพื่อออกมาตรการควบคุมหรือปรับแต่งได้อย่างมีคุณภาพ

ระบบ CEMS ที่นำสมัยในตอนนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบออนไลน์และก็ฐานข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษหรือหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อสามารถตรวจทานค่าการปลดปล่อยมลภาวะได้ในทันทีจากระยะไกล ช่วยลดภาระหน้าที่สำหรับในการเข้าตรวจดูภาคสนาม รวมทั้งเพิ่มความโล่งใสในการรายงานข้อมูลให้กับประชากรทั่วๆไปอีกด้วย นอกเหนือจากนั้นเทคโนโลยีใหม่ยังช่วยทำให้การสอบเปรียบเทียบระบบ CEMS สามารถทำเป็นแบบอัตโนมัติ ลดความบกพร่องที่เกิดจากการคั่นแซงของมนุษย์และเพิ่มความน่าไว้ใจของผลของการตรวจวัด

การออกแบบและเลือกใช้ระบบ CEMS ที่เหมาะสมจำเป็นต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจในกรรมวิธีการผลิตของแต่ละโรงงานแล้วก็ชนิดของสารมลภาวะที่เกี่ยวพัน ได้แก่ โรงไฟฟ้าที่ใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงจะมีการปลดปล่อยก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ในปริมาณมาก ระบบ CEMS ก็เลยควรมีความรู้ความเข้าใจสำหรับเพื่อการตรวจก๊าซดังกล่าวมาแล้วข้างต้นให้รอบคอบ ในเวลาที่โรงงานที่มีการใช้ความร้อนสูง ยกตัวอย่างเช่น โรงหลอมเหล็ก หรือโรงผลิตปูนซีเมนต์ บางทีอาจปรารถนาระบบซึ่งสามารถทนต่ออุณหภูมิและฝุ่นผงได้สูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบควรมีการกรองอากาศและควบแน่นน้ำก่อนนำอากาศไปสู่เครื่องวัดเพื่อให้ค่าที่ได้มีความเที่ยงตรง

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่ควรจะพินิจพิเคราะห์เป็นการรักษาและทะนุบำรุงระบบ CEMS อย่างสม่ำเสมอ ทั้งกระบวนการทำความสะอาด ตรวจตราเซนเซอร์ การเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ย่อยสลาย รวมทั้งการสอบเปรียบเทียบค่าอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งควรจะดำเนินการโดยผู้ที่มีความชำนาญที่ผ่านการอบรมและก็รับรองจากผู้ผลิตหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การบำรุงรักษาที่ดีจะช่วยต่ออายุการใช้แรงงานของระบบและก็ลดความเสี่ยงในการกำเนิดความคลาดเคลื่อนของข้อมูลซึ่งบางทีอาจนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการเสียค่าปรับหรือการหยุดการดำเนินงานโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า

หน่วยงานที่เลือกใช้ CEMS ที่มีคุณภาพสูงและได้รับการรับรองมาตรฐานสากล ได้แก่ USEPA (United States Environmental Protection Agency) หรือมาตรฐานของยุโรป EN 14181 จะสามารถยืนยันความน่าเชื่อถือของผลการตรวจวัดต่อหน่วยงานกำกับดูแลและมวลชนได้อย่างมั่นใจ ในขณะเดียวกันยังสามารถใช้ข้อมูลจากระบบ CEMS เพื่อพินิจพิจารณาแนวโน้มของการปล่อยมลพิษและก็เอามาผลิตรายงานด้านสิ่งแวดล้อมที่สอดคล้องกับหลักการ ESG (Environmental, Social and Governance) ซึ่งกำลังเป็นที่พึงพอใจในแวดวงนักลงทุนและผู้ช่วยเหลือทางธุรกิจทั้งโลก

ในภาพรวม CEMS ไม่ใช่เพียงแค่เครื่องไม้เครื่องมือวัด แต่คือกลไกสำคัญในการจัดการสิ่งแวดล้อมขององค์กรอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของหน่วยงานที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งเป็นการเตรียมตัวสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในระยะยาว อีกทั้งในด้านการสร้าง การบริหารจัดแจง รวมทั้งการพัฒนาธุรกิจในยุคที่ผู้ซื้อและสังคมให้ความเอาใจใส่กับสภาพแวดล้อมเป็นลำดับแรกๆ

ด้วยบทบาทที่ครอบคลุมอีกทั้งการตรวจวัด ควบคุม รายงาน รวมทั้งพัฒนา CEMS จึงเปลี่ยนเป็นวัสดุที่จำเป็นในโลกอุตสาหกรรมยุคใหม่ที่มุ่งสู่ความทนทานและก็รับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง



 ขอบคุณสำหรับที่มา บทความ  cems  https://awj.co.th/References01.html[/size]